วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ชีวประวัติท่านนบีอิสฮาก และนบียะกู๊บ

Posted by salmanawea@gmail.com On 06:15 4 ความคิดเห็น


เรื่องราวของนบีอิสฮาก และนบียะกู๊บ
         คัมภีร์กุรอานไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของอิสฮากไว้ แต่นักอรรถาธิบายคัมภีร์กุรอานผู้น่าเชื่อถือได้กล่าวว่า เมื่อนบีอิบรอฮีมรู้สึกว่าชีวิตของตนกำลังใกล้วันสิ้นสุดเข้ามาทุกที เขาอยากที่จะเห็นอิสฮากได้แต่งงาน เขาไม่ต้องการให้อิสฮากแต่งงานกับหญิงชาวคะนาอันที่เคารพบูชารูปปั้น ดังนั้น เขาจึงได้ส่งคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์คนหนึ่งไปยังฮารานในอิรักเพื่อเลือกเจ้าสาวให้อิสฮาก ปรากฏว่าคนรับใช้ได้ไปเลือก ผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อรีเบคาห์ บินติ เบซูเอล อิบนุนาฮอร์ ที่เป็นพี่น้องคนหนึ่งของนบีอิบรอฮีม อิส
ฮากได้แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้และนางได้ให้กำเนิดแฝดคู่หนึ่งคือ อัลอีซ (อีเซา) และยะกู๊บ (ยาโกบ)
     แต่เมื่อพี่น้องสองโตขึ้น สองพี่น้องฝาแฝดก็เกิดความบาดหมางกัน อีเซาไม่ชอบที่ยะกู๊บเป็นที่รักของพ่อมากกว่าและได้รับความโปรดปรานจากอัลลอฮฺด้วยการถูกแต่งตั้งให้เป็นนบี ความรู้สึกไม่ดีนี้รุนแรงขึ้นจนกระทั่งอีเซาขู่ที่จะฆ่าน้องชายของเขา ดังนั้น ด้วยความกลัว ยะกู๊บจึงหนีออกไปจากถิ่นที่อยู่ของตน
     ชาวคัมภีร์ได้กล่าวว่าเมื่ออิสฮากมีอายุ 40 ปี เขาได้แต่งงานกับรีเบคาห์ บินติเบซูเอล ในระหว่างที่พ่อของเขามีชีวิตอยู่ พวกเขาได้กล่าวว่านางเป็นหมัน ดังนั้น อิสฮากจึงได้ขอวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺ หลังจากนั้น นางก็ได้ตั้งครรภ์ นางได้ให้กำเนิดลูกแฝดชาย แฝดคนแรกชื่ออีเซาซึ่งชาวอาหรับเรียกว่าอัลอีซ ซึ่งต่อมาเป็นพ่อของรูมส่วนแฝดคนที่สองชื่อยะกู๊บซึ่งหมายถึงอิสราเอล (เป็นคนของอิสราเอล)
     ชาวคัมภีร์อ้างว่าเมื่ออิสฮากแก่ตัวลงและสายตามองไม่ค่อยเห็น วันหนึ่ง เขามีความต้องการอาหาร ดังนั้น เขาจึงขอให้อีเซาไปล่าสัตย์เพื่อนำมาทำอาหาร อีเซาได้ขอเขาวิงวอนขอความจำเริญให้แก่อาหารและขอพรให้แก่เขา หลังจากนั้น อีเซานักล่าก็ออกไปล่าเนื้อให้พ่อ เมื่อรีเบคาห์ได้ยินเรื่องนี้ นางได้สั่งยะกู๊บลูกชายของนางให้เชือดแพะตัวที่ดีที่สุดสองตัวและนำไปปรุงอาหารที่พ่อชอบและนำไปให้พ่อก่อนที่พี่ชายของเขาจะกลับมา นางได้ให้ยะกู๊บใส่เสื้อผ้าของพี่ชายและเอาหนังแพะใส่ไว้บนแขนทั้งสองข้างและคอ เพราะอีเซาเป็นคนที่มีขนดกซึ่งผิดกับยะกู๊บ
     เมื่อเขาได้เข้ามาหาพ่อพร้อมกับอาหาร พ่อของเขาได้ถามว่า เจ้าเป็นใคร?” ยะกู๊บได้ตอบว่า ฉันเป็นลูกชายของพ่อเมื่อพ่อของเขากินอาหารอิ่มแล้วก็วิงวอนให้ลูกชายของเขาได้เป็นพี่ชายที่ได้รับพระพรมากกว่าพี่น้องคนใดและมีอำนาจเหนือผู้คนทั้งหมด และได้วิงวอนต่ออัลลอฮฺให้ปกป้องรักษาเขาและลูกหลานของเขาด้วย
     เมื่อยะกู๊บได้ออกไปจากพ่อแล้ว อีเซาพี่ชายของเขาซึ่งออกไปปฏิบัติหน้าที่ที่พ่อได้มอบให้ก็เข้ามา อิสฮากได้ถามเขาว่า นี่อะไรลูก?” เขาได้ตอบว่า นี่คืออาหารที่พ่อชอบไงล่ะอิสฮากจึงได้กล่าวว่า เมื่อก่อนหน้านี้เจ้าได้นำมาให้พ่อและขอให้พ่อขอพรให้เจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ?” อีเซาตอบว่า เปล่าเลย ฉันสาบานได้ว่าฉันไม่ได้ทำและเขาก็รู้ว่าน้องชายของเขาได้ชิงตัดหน้าเข้ามาเสียก่อนแล้ว เขาจึงรู้สึกท้อใจเป็นอย่างมาก
     ชาวคัมภีร์ได้กล่าวว่าอีเซาขู่จะฆ่าน้องชายของเขาเมื่อพ่อของเขาเสียชีวิตพวกเขายังได้กล่าวด้วยว่าอีเซาได้ขอให้พ่อของเขาวิงวอนต่ออัลลอฮฺให้พระองค์ทรงทำให้โลกนี้เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับลูกหลานของเขาและเพิ่มพูนปัจจัยและผลไม้ให้แก่เขา
     ชาวคัมภีร์ได้กล่าวว่าอีเซาขู่จะฆ่าน้องชายของเขาเมื่อพ่อของเขาเสียชีวิตพวกเขายังได้กล่าวด้วยว่าอีเซาได้ขอให้พ่อของเขาวิงวอนต่ออัลลอฮฺให้พระองค์ทรงทำให้โลกนี้เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับลูกหลานของเขาและเพิ่มพูนปัจจัยและผลไม้ให้แก่เขา
     เมื่อแม่ของเขารู้ว่าอีเซาขู่จะฆ่ายะกู๊บน้องชาย นางได้สั่งยะกู๊บไปหาละบานน้องชายของนางในฮารานและเชื่อฟังเขาจนกว่าพี่ชายของเขาจะหายโกรธ และสั่งให้เขาแต่งงานกับลูกสาวคนหนึ่งของละบาน นางได้บอกอิสฮากสามีของนางให้สั่งเขาให้ทำตามคำแนะนำนั้นและวิงวอนให้แก่เขา ซึ่งอิสฮากก็ทำตาม
     ยะกู๊บได้ออกจากครอบครัวของเขาไป เมื่อตกกลางคืน เขาก็ได้พบสถานที่พักผ่อนแห่งหนึ่ง เขาได้เอาหินมาหนุนหัวและนอนหลับไป เขาได้ฝันเห็นมีบันไดจากสวรรค์ลงมายังโลกโดยมีมลาอิก๊ะฮฺกำลังขึ้นลงอยู่ และพระเจ้าได้ตรัสกับเขาว่า ฉันจะให้พรเจ้าและลูกหลานของเจ้าและทำให้แผ่นดินนี้เป็นของเจ้าและของผู้ที่จะมาหลังจากเจ้า
     เมื่อเขาตื่นขึ้น เขามีความสุขจากสิ่งที่เขาเห็นในความฝันและสาบานว่าถ้าเขากลับมาถึงครอบครัวของเขาอย่างปล่อดภัย เขาจะสร้างวิหารแห่งหนึ่งที่นี่เพื่ออัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ นอกจากนี้แล้วเขายังได้สาบานที่จะให้ทรัพย์สินหนึ่งในสิบของเขาเพื่ออัลลอฮฺ เขาเทน้ำมันลงบนก้อนหินเพื่อเป็นสัญลักษณ์และเรียกสถานที่แห่งนั้นว่า เบเธล” (บ้านของอัยล์ส) ซึ่งหมายถึง บ้านของอัลลอฮฺต่อมาสถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของเมืองเยรูซาเล็ม
     ชาวคัมภีร์ยังได้กล่าวอีกว่าเมื่อยะกู๊บมาหาลุงในแผ่นดินฮาราน ลุงของเขามีลูกสาวสองคน คนโตชื่อลีอาห์ (เลีย) และคนเล็กชื่อราเชล (รอฮีล) แต่คนน้องเป็นคนที่ดีกว่าและน่ารักกว่า ลุงของเขายินดีที่จะยกลูกสาวให้แต่งงานกับยะกู๊บโดยมีเงื่อนไขว่ายะกู๊บต้องเลี้ยงดูฝูงแกะของเขาเป็นเวลาเจ็ดปี
     หลังจากนั้นระยะหนึ่ง ลุงของเขาก็เตรียมจัดงานเลี้ยงและรวมคนเพื่องานฉลองเขาได้ให้ลีอาห์แต่งงานกับยะกู๊บในตอนกลางคือ แต่ลีอาห์สายตาไม่ดีและหน้าต่าน่าเกลียด เมื่อถึงรุ่งเช้า ยะกู๊บก็พบว่าภรรยาของเขาคือลีอาห์ เขาจึงได้ตำหนิลุงของเขาว่า ลุงหลอกฉัน ฉันหมั้นหมายกับราเชล แต่ลุงแต่งงานฉันกับลีอาห์ลุงของเขาจึงกล่าวว่า มันไม่ใช่ประเพณีปฏิบัติของเราที่จะแต่งงานลูกสาวคนรองก่อนคนแรกอย่างไรก็ตาม ถ้าหากเจ้ารักน้องสาวของนางก็ทำงานต่ออีกเจ็ดปีและฉันจะแต่งงานเจ้าทั้งสอง
     ยะกู๊บทำงานต่ออีกเป็นเวลาเจ็ดปีและหลังจากนั้นก็แต่งงานกับราเชล ในคัมภีร์เตารอตกล่าวว่าในตอนนั้น การแต่งงานกับผู้หญิงสองคนที่เป็นพี่น้องกันเป็นที่ยอมรับได้ ละบานได้ให้บ่าวหญิงแก่ลูกสาวแต่ละคน บ่าวหญิงของลีอาห์ชื่อซิลปาห์และบ่าวหญิงของราเชลชื่อบิลฮา
อัลลอฮฺชดเชยความด้อยกว่าของลีอาห์ด้วยการให้นางมีบุตรชายหลายคน คนแรกชื่อ (รอบีล) หลังจากนั้นก็มีซินเมโอน (ซัมอูน) เลวี (ลาวี) และยูดาห์ (ยะฮูด) ราเชลรู้สึกอิจฉาที่ลีอาห์มีลูกชายเพราะนางเป็นหมัน นางได้ให้บิลฮาสาวใช้ของนางให้แก่สามีของนางและเขาได้มีความสัมพันธ์กับบ่าวหญิงคนนั้นจนตั้งครรภ์นางได้ให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่งและตั้งชื่อให้ว่านัฟตาลี
     ลีอาห์รู้สึกหงุดหงิดที่บ่าวหญิงของราเชลให้กำเนิดลูกชาย ดังนั้น นางจึงยกซิลปาห์บ่าวหญิงของนางให้แก่ยะกู๊บเป็นการตอบโต้และซิลปาห์ได้ให้กำเนิดลูกชายสองคนคือกาดและอาเชอร์ หลังนั้น ลีอาห์ก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดทารกคนที่ห้าของนางชื่ออิสซาคาร์และต่อมาก็ได้ให้กำเนิดลูกชายที่หกชื่อเซบลูน หลังจากนั้น ลีอาห์ก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวคนหนึ่งที่มีชื่อดินาห์ ดังนั้น ลีอาห์จึงมีลูกเจ็ดคนจากยะกู๊บ
     ราเชลได้วิงวอนขอต่ออัลลอฮฺให้ประทานลูกชายแก่นางคนหนึ่งจากยะกู๊บ อัลลอฮฺได้ยินคำวิงวอนของนางและได้สนองคำวิงวอนของนางด้วยการให้นางมีลูกชายคนหนึ่งซึ่งมีรูปร่างหน้าตาดี มีเกียรติและยิ่งใหญ่ นางได้ตั้งชื่อให้ลูกชายของนางว่า ยูซุฟ (โจเซฟ)
     เรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเมื่อคนเหล่านี้อยู่ในแผ่นดินฮารานและยะกู๊บกำลังเลี้ยงสัตย์ให้ลุงของเขาเป็นเวลา 20 ปี 
     หลังจากนั้น ยะกู๊บขออนุญาตละบานลุงของเขาไปเยี่ยมครอบครัวของเขาลุงของเขาได้กล่าวแก่เขาว่า "ฉันรับความจำเริญเพราะเจ้า เจ้าจะขอเงินเท่าใดก็ได้ที่เจ้าต้องการยะกู๊บได้กล่าวว่า ฉันขอแพะที่มีรอยจุดรอยด่างที่เกิดในปีนี้และแกะดำอย่างละตัว
     ละบานได้ให้ตามนั้น แต่พวกลูกชายของเขาได้เอาแพะของพ่อที่เป็นลาย เป็นจุดหรือเป็นรอยด่างและแกะดำออกไปจากฝูงด้วยเกรงว่าตัวอื่นจะเกิดมามีลักษณะ เช่นนั้น พวกเขาเดินเป็นเวลาสามวันกับแพะและแกะของพ่อของเขาขณะที่ยะกู๊บดูแลฝูงที่เหลือ
     ชาวคัมภีร์กล่าวว่ายะกู๊บได้เอากิ่งไม้สดจากต้นป็อปลาร์และอัลมอนด์มาปอกและฉีกเอาเส้นเนื้อไม้ข้างในมาโยนลงในรางน้ำเพื่อแพะเห็น ทำให้ลูกที่อยู่ในท้องตกใจและคลองออกมาเป็นลายหรือเป็นจุด เมื่อแกะกำลังกินอาหาร เขาได้หันหน้าไปทางแกะดำในฝูงของละบานและโยนกิ่งไม้ไปในฝูงแกะ แกะที่คลองออกมาก็มีสีดำนี่ถือเป็นตัวอย่างของพลังเหนือธรรมชาติหรือปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง ยะกู๊บมีแพะ แกะ สัตย์อย่างอื่นอีกหลายตัวและมีบ่าวหลายคน ใบหน้าของลุงของเขาและลูกชายต้องเปลี่ยนไปราวกับว่าแพะและแกะได้ถูกขโมยไปจากพวกเขา
     อัลลอฮฺได้ดลใจยะกู๊บให้กลับไปยังแผ่นดินบ้านเกิดของพ่อและผู้คนของเขาและพระองค์ได้ทรงสัญญาว่าจะอยู่ข้างเขา ยะกู๊บได้บอกครอบครัวของเขาถึงเรื่องนี้และทุกคนก็เชื่อฟัง อย่างไรก็ตาม ยะกู๊บไม่ได้บอกละบานถึงแผนการของเขาและเดินทางโดยไม่ได้บอกลา

4 ความคิดเห็น:

ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

แสดงความคิดเห็น